top of page
Featured Posts

[ความสงสัยไม่รู้จบ] วันลูกแห่งชาติ

  • สินิทธ์ ปนุตติกร
  • Aug 11, 2020
  • 1 min read

Updated: Aug 12, 2021


เป็นเรื่องที่สงสัยมาตั้งแต่เด็ก ว่าเรามีวันพ่อ วันแม่ แต่ทำไมไม่มีวันลูกบ้าง??

....

สังคมไทยอุตส่าห์*อุปโลกน์นิยามของคำว่า “ครอบครัว” ให้มีภาพลักษณ์แบบความอบอุ่น ความกตัญญู ความเป็นพ่อ-แม่-ลูกอันสมบูรณ์แบบ แล้วใยจึงมอบความสำคัญไม่เท่าเทียมกันให้ครบทั้ง 3 องค์ประกอบ

(* ผมใช้คำว่า “อุปโลกน์” เพราะมันไม่ควรเป็นเช่นนั้น เพราะในความเป็นจริงหลายๆครอบครัวก็ขมขื่นจนเกินกว่าจะมีนิยามที่ดีอย่างนี้ได้)

หากวันพ่อ/วันแม่ มีไว้เพื่อระลึกถึงพระคุณ

วันลูกแห่งชาติ ก็ควรมีไว้ให้พ่อแม่ระลึกถึงทุกสิ่งที่ตนกระทำในฐานะผู้ปกครอง มิเช่นนั้น ลูกจะเป็นผู้ถูกกระทำเพียงฝ่ายเดียว โดยที่พฤติกรรมของพ่อแม่ไม่ว่าจะดีหรือแย่ ก็จะถูกละเว้นด้วยคำว่า “บุญคุณ” อยู่ร่ำไป ประหนึ่งผู้มีอิทธิพลทำตัวอยู่เหนือกฎหมาย อย่างไรอย่างนั้น!?

....

ลูก คือกระจกที่สะท้อนตัวพ่อแม่อีกทีหนึ่ง หากมีลูกคนไหนที่ทำให้รู้สึกไม่ได้ดั่งใจ อันดับแรกที่ต้องทำคือย้อนกลับมาดูตัวเองก่อนเลย ว่าเราเองหรือเปล่าที่ทำหน้าที่พ่อแม่ให้ไม่ได้ดั่งใจเขาก่อน?

เพราะสำหรับเด็กที่ยังไม่ครบสิบขวบดี พ่อแม่คือโลกทั้งใบของลูก ฉะนั้นไม่ต้องกลัวว่าลูกจะทอดทิ้งหรอก จงกลัวว่าตนจะกลายเป็นตัวถ่วงจากการมีชีวิตที่เขาอยากมีดีกว่า

โดยเฉพาะตัวถ่วงที่ชื่อว่า “ความคาดหวัง”

พ่อแม่ผิดหวังในตัวลูกได้ แต่อย่าเพิ่งไปโทษลูกว่าทำไมถึงทำให้ผิดหวัง แต่จงย้อนมองตัวเองก่อนว่าความหวังของเรามันรุกล้ำสิทธิมนุษยชน (human rights) ของลูกหรือไม่ ถ้าใช่ ก็จงอย่าแปลกใจที่เขาจะตีตัวออกห่าง

กรุณาอย่าสร้างบาดแผลทางใจให้กับลูก ด้วยความรู้สึกที่ทำให้พ่อแม่ผิดหวัง ฝังตัวนานไปจนสภาพจิตใจกลับมาปกติไม่ได้อีก

....

อย่าได้คิดที่จะมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้แก่ลูก เพราะสิ่งที่ดีของพ่อแม่และลูกนั้นไม่เหมือนกัน และไม่มีสิ่งใดที่ดีที่สุดสำหรับทุกคนในโลก หน้าที่ของพ่อแม่คือปล่อยให้เขาเลือกทำในสิ่งที่อยากทำ และศึกษาสิ่งนั้นตามไปด้วย จะได้รู้ว่าเขากำลังเดินไปทางไหน อาจไม่ต้องเชี่ยวชาญเท่า ขอแค่เข้าใจในสิ่งที่เขากำลังทำ และช่วยพยุงเขาในวันที่ล้มเหลวก็พอ

ไม่ใช่ไปซ้ำเติมเขาในวันที่ล้ม แล้วไล่ให้ไปทำอย่างอื่นที่เราเชื่อว่าดีกว่า

นอกจากจะทำลายความสัมพันธ์ในครอบครัวแล้ว ยังเป็นการแสดงความเขลาให้ลูกรู้สึกขาดความเชื่อมั่นอีกด้วย เพราะต่อให้คุณผ่านโลกมามากขนาดไหน เก่งกาจอย่างไร คุณก็ใช้มาแค่ชีวิตเดียว จะไปตัดสินชีวิตอื่นในแบบที่คุณไม่รู้ได้อย่างไร?

กาลเวลาผ่านไป ยุคสมัยผันเปลี่ยน นิยามของชีวิตที่ดีก็ย่อมเปลี่ยนตาม ถ้าพ่อแม่ไม่ปรับตัวตามให้ทัน โลกจะเหวี่ยงลูกออกไปให้ห่างจากคุณเอง

ซึ่งลูกคนใดมีลักษณะยิ่งโตขึ้นยิ่งทำตัวไม่น่ารัก พึงสังวรไว้เลยว่าตัวพ่อแม่เองนั่นแหละที่ทำให้ลูกรู้สึกไม่ถูกรักเสียก่อนหรือเปล่า?

....

ลูกไม่ควรเป็นดั่งแก้วตาดวงใจของพ่อแม่ โปรดอย่ามองลูกเป็นสมบัติของตน ลูกไม่ใช่สิ่งของ เขาคือมนุษย์ มีเลือดเนื้อ มีความรู้สึก มีสมอง และมีหัวใจ

ฉะนั้นจงคิดให้มากๆก่อนพูดหรือทำสิ่งใด เพราะด้วยความที่ลูกมีพ่อแม่เป็นโลกทั้งใบในวัยเด็ก ทุกคำพูด ทุกการกระทำ จะส่งผลระยะยาวต่อตัวลูก ซึ่งมันอาจเป็นการส่งเสริมหรือทำลายหนึ่งชีวิตที่คุณสร้างมาได้เลย

....

ลูกที่ดี ไม่ควรมีนิยามว่าเป็นเด็กว่านอนสอนง่าย เพราะเขาจะกลายเป็นผู้ใหญ่ที่ต้องการการชี้นำตลอดเวลา คิดเองไม่เป็น อันหมายถึงไม่สามารถเป็นประชาชนที่มีคุณภาพในสังคมได้

เด็กดื้อ ไม่ใช่เด็กเลว เขาแค่คิดเห็นไม่เหมือนคุณ ซึ่งพ่อแม่ควรจะดีใจด้วยซ้ำที่ลูกคิดเองเป็น กล้าพูด กล้าเถียง กล้าตั้งคำถาม และกล้าตัดสินใจด้วยตัวเอง

หากมันเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด เขาจะได้ลิ้มรสความผิดหวังด้วยตนเอง เพื่อสร้างเป็นภูมิคุ้มกันในอนาคต ว่าจะไม่ผิดพลาดแบบเดิมอีก

แล้วก็ไม่ต้องพยายามปกป้องลูกจากความเจ็บปวด เพราะต่อให้แลกด้วยชีวิตอย่างไรก็กันไม่ได้อยู่ดี เพราะความเจ็บปวดเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตมนุษย์อย่างแยกจากกันไม่ได้

....

การพยายามอยากรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับตัวลูก สอดรู้ทุกเรื่อง ทุกความรู้สึก ทุกการเดินทาง ทุกการตัดสินใจ หากเขาไม่สมัครใจ นั่นคือการคุกคามสิทธิในตัวลูกอย่างหนึ่ง ไม่ต่างจากพวก stalker โรคจิตชนิดเดินตามทุกฝีก้าว

พ่อแม่ไม่ต้องพยายามเข้าใจลูกแบบทุกอณูขนาดนั้นก็ได้ ให้ตายยังไงคุณก็ไม่มีวันเข้าใจได้จริงๆหรอก แค่ปล่อยไปแล้วคอยดูอยู่ห่างๆก็พอ เพราะยิ่งคุณตามติด เขาจะยิ่งไม่ยอมให้คุณอยู่เคียงข้าง ลามไปถึงไม่อยากพึ่งพาและไม่ไว้ใจอีกต่อไป

ผลคือลูกจะโดดเดี่ยว พ่อแม่ก็โดดเดี่ยว ไม่มีใครได้ประโยชน์จากเรื่องนี้เลย

....

ข้อสุดท้ายที่อยากฝากไว้ คืออย่าริอาจทวงถามบุญคุณจากลูก เพราะการเลี้ยงดูไม่ใช่พระคุณ แต่เป็นหน้าที่และความรับผิดชอบของพ่อแม่ ไม่มีใครมาขอให้เกิดเป็นลูกคุณ มีแต่คุณต่างหากที่เสพสุขแล้วปล่อยให้เขาเกิดมาเอง

กลับกัน ถ้าเรายึดเอานิยามความสมบูรณ์ของครอบครัวเป็นตัวตั้ง พ่อแม่ควรเป็นหนี้บุญคุณลูกมากกว่า ที่เขาอุตส่าห์เกิดมาเพื่อเติมเต็มครอบครัวให้สมบูรณ์แบบ เพื่อเป็นทายาทสืบสกุลสืบสมบัติ ในวันที่คุณลาโลกไป

ไม่ต้องกลัวว่าลูกจะอกตัญญูหรอก เพราะถ้าพ่อแม่รับผิดชอบต่อหน้าที่ได้ดีจริง ลูกจะกลับมาตอบแทนบุญคุณด้วยใจของเขาเอง โดยไม่ต้องไปเรียกร้องทวงถามให้เสียเวลา

#ความสงสยไม่รู้จบ #สังคม #ครอบครัว #วันพอ #วันแม #วันลก

コメント


บทความที่น่าสนใจ

กลุ่มนัก(อยาก)เขียนห้าคน ที่ตกลงกันว่าจะเขียนอย่างน้อยคนละ 5 หน้า

contact us

unnamed.png
580b57fcd9996e24bc43c521.png
logo-gmail-9952.png

f i v e p a g e s a t l e a s t @ g m a i l . c o m

© 2023 by Noah Matthews Proudly created with Wix.com

bottom of page