[Board Article] Salem : เรามีสิทธิ์เป็น “แม่มด” และเป็นผู้ “ล่าแม่มด” เมื่อไรก็ได้!?
- สินิทธ์ ปนุตติกร
- Apr 4, 2020
- 1 min read

คุณจะทำเช่นไร เมื่อจู่ๆ เราก็ถูกตราหน้าว่ามีความผิดแล้วถูกไล่ล่า โดยที่ยังไม่ทันได้ทำอะไรเลย?
....
หนึ่งในประเภทบอร์ดเกมที่ได้คับความนิยมอย่างสูง คือบอร์ดเกมประเภทบลัฟฟ์ (bluff) ที่ต้องอาศัยความไว้เนื้อเชื่อใจกัน ในขณะที่ก็ต้องระแวงกันเองอยู่เสมอ
ลักษณะการเล่นก็เข้าใจไม่ยาก ผู้เล่นแบ่งออกเป็น 2 ผ่าย ฝ่ายดีกับฝ่ายร้าย โดยผู้เล่นแต่ละคนจะได้รับบทบาทต่างๆ ซึ่งก็มีความสามารถแตกต่างกันออกไป ส่วนการแพ้ชนะนั้นแล้วว่าเกมๆนั้นจะมีกติกาอย่างไร แต่ส่วนใหญ่มักวัดกันที่ฝ่ายดีจะต้องกำจัดฝ่ายร้ายออกไปให้หมดจึงเป็นผู้ชนะ ส่วนฝ่ายร้ายจะชนะได้ก็ต่อเมื่อทำตัวเนียนๆอยู่ร่วมกับฝ่ายดีให้ได้จนจบเกม
เกมที่มีชื่อเสียงในประเภทนี้ เท่าที่เห็นในไทยก็คงหนีไม่พ้น Ultimate Werewolf และ Avalon แต่ก็ยังมีเกมแนวนี้ใหม่ๆมาให้เห็นเรื่อยๆอยู่ทุกปี
และ Salem คือหนึ่งในเกมบลัฟฟ์ที่เราอยากแนะนำ
….
Salem ว่าด้วยเรื่องของการ “ล่าแม่มด” ซึ่งกติกาคล้ายกับ Werewolf มาก คือมีฝ่ายชาวบ้านกับฝ่ายมนุษย์หมาป่านั่งล้อมวงเดียวกัน แต่ละเทิร์นมีกลางวัน-กลางคืน กลางคืนมนุษย์หมาป่าจะจับชาวบ้านกิน ส่วนกลางวันชาวบ้านก็ต้องเดาว่าใครคือมนุษย์หมาป่า แล้วทำการขับไล่ออกไปเป็นการจบเทิร์น ถ้าไล่มนุษย์หมาป่าได้ครบทุกคน ชาวบ้านจะเป็นฝ่ายชนะ แต่ถ้าทำไม่ได้ มนุษย์หมาป่าจะจับชาวบ้านกินจดหมดและเป็นฝ่ายชนะไปแทน
Salem ก็เช่นเดียวกัน แค่เปลี่ยนจากบท ‘มนุษย์หมาป่ากินคน’ มาเป็น ‘แม่มดสาปคน’ เท่านั้นเอง
ทว่า ชาวบ้านอาจถูกสาปให้กลายเป็นแม่มดผู้ถูกล่าเมื่อไรก็ได้!?
ซึ่งมันจำลองสถานการณ์ได้ดีมาก กับคำถามที่เราตั้งไว้ตั้งแต่ย่อหน้าแรก ถ้าเทิร์นนั้นเราเปลี่ยนสถานะเป็นแม่มดแบบไม่ทันตั้งตัว เราจะเอาตัวรอดอย่างไรในเกมต่อจากนี้ จะทำสีหน้าท่าทางและวาจาอย่างไรให้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
นี่คือความสนุกที่อยู่เหนือ Werewolf หรือ Avalon ไปอีกขั้น ไม่ใช่แค่คนดีตามหาผู้ร้าย หรือผู้ร้ายจะต้องเนียนอยู่กับคนดี แต่มันมีการย้ายข้างกันกลางคัน เป็นแอคชั่นที่ต้องยิ่งทำให้แนบเนียนขึ้นไปอีก
นอกจากนี้ยังมีรายละเอียดที่ Salem ต่างจากเกมบลัฟฟ์อื่นๆอีก เช่น ผู้เล่นมีหลายชีวิต มีการ์ดแอคชั่นบนมือไว้ใช้ในแต่ละเทิร์น มีการกล่าวหาเพื่อฆ่า การสารภาพบาปเพื่อรักษาชีวิต (มีนาฬิกาทรายจับเวลาให้ด้วย) ฯลฯ ที่อธิบายเป็นอักษรไปก็คงเข้าใจยาก แต่รับประกันว่ามันสนุกจนอยากให้คุณลองไปเล่นดู
….
อีกหนึ่งความพิเศษของ Salem ที่ประทับใจเรามาก คือการนำเอาประวัติศาสตร์จริงบนโลกของเรา สอดแทรกไว้ในเกมด้วย!?
พูดถึงเรื่องการล่าแม่มด ต้องย้อนกลับไปในช่วงศตวรรษที่ 15-17 ที่เรียกว่า “ยุคกลาง” (Middle Ages) หรือมีอีกชื่อว่า “ยุคมืด” (Dark Ages) ได้เกิดเหตุการณ์ประหลาดหลายครั้งในโลกฝั่งตะวันตก เช่น มีโรคระบาดที่ไม่รู้จักมาก่อน มีคนตายอย่างไร้สาเหตุ ฯลฯ ซึ่งคนสมัยนั้นเชื่อกันว่าเป็นมนตร์ดำของแม่มด จึงเกิดการตามหาแม่มดเพื่อกำจัดทิ้ง (บางเมืองมีการประหารอย่างถูกกฎหมาย)
ลักษณะแม่มดในยุคนั้นดูจะไม่เป็นเหตุเป็นผลเท่าไร เช่น เป็นหญิงแก่ไร้บ้าน หรือหญิงสาวที่มีรูปลักษณ์สวยโดดเด่นเกินไป จะถูกกล่าวหาว่าขายวิญญาณให้กับซาตานเพื่อแลกกับความสวย หรือแค่เลี้ยงหมา/แมว ก็สามารถตกเป็นผู้ต้องสงสัยได้
(ส่วนภาพจำของแม่มดที่เป็นหญิงชรา เชื่อว่ามาจากวรรณกรรมเรื่อง Macbeth ของ William Shakespeare ลองไปหาอ่านกันดู)
ถ้าพูดถึงแม่มดผู้มีชื่อเสียงที่สุด เราคงจะนึกถึง St. Joan of Arc แต่ถ้าพูดถึงสถานที่หรือเหตุการณ์ล่าแม่มดที่มีชื่อเสียงที่สุด แน่นอนว่าต้องเป็นเมือง Salem ในรัฐ Massachusettes
เหตุเกิดขึ้นในช่วงปี 1692 เมื่อมีเด็กสาวกลุ่มหนึ่งจู่ๆก็มีอาการผิดปกติ กรีดร้อง ข่วนตี ขว้างของ แปลกสุดคือชอบมุดตัวอยู่ใต้เก้าอี้ หมอประจำหมู่บ้านใช้เวลาวินิจฉัยอยู่นาน สุดท้ายก็จนปัญญา แล้วตัดสินว่านี่คือเรื่องเหนือธรรมชาติที่เกิดจากฝีมือของแม่มด
บังเอิญว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นท่ามกลางความขัดแย้งในชุมชน มีการแย่งอำนาจกันของตระกูลชนชั้นนำ แล้วดันมีผู้มีอำนาจซึ่งคลั่งไคล้การล่าแม่มดตั้งศาลตัดสินคดีแม่มดขึ้นโดยเฉพาะ และทำการตัดสินโทษประหารประชาชนไปมากมาย
จากเดิมที่เป็นความเชื่อทางศาสนา กลายเป็นว่าการล่าแม่มดถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองเสียอย่างนั้น
เรื่องราวจบที่ศาลนั้นปิดตัวลงในปี 1693 พร้อมกับอวสานการล่าแม่มดลงนับแต่นั้น (ขอเล่าย่อๆแบบนี้ ไว้มีโอกาสจะเขียนเรื่องนี้แบบเต็มๆให้ได้อ่านกัน)
ปัจจุบันเมือง Salem ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของวัฒนธรรมล่าแม่มดของโลก ขนาดที่ว่ามีพิพิธภัณฑ์ล่าแม่มด (Salem Witch Museum) เป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญประจำเมืองเลยทีเดียว
ที่น่าสนใจก็คือ ชื่อตัวละครในบอร์ดเกม Salem นั้น มาจากบุคคลจริงในเหตุการณ์ดังกล่าวทั้งสิ้น!!!!
....
จากที่เล่ามา ดูเหมือนการล่าแม่มดน่าจะหมดลงไปตั้งแต่หลายร้อยปีที่แล้ว
ทว่า มันยังคงมีอยู่เรื่อยมา และยิ่งระบาดหนักขึ้นบนโลกโซเชียลมีเดียในปัจจุบัน
กาลครั้งหนึ่งในประเทศไทย จำกันได้ไหมว่าเราเคยมีแม่มดชื่อ “คอมมิวนิสต์” ที่ถูกไล่ล่าจนบานปลายกลายเป็นโศกนาฏกรรม 6 ตุลาฯ 19 ประชาชนผู้เห็นต่างกลายเป็นคนบาปโดยไม่ทันรู้ตัว นี่คือตัวอย่างหนึ่งของการใช้ “แม่มด” เป็นเครื่องมือทางการเมือง
อีกหลายสิบปีผ่านมา จากศาสนา การเมือง การล่าแม่มดกลายเป็นเรื่องใกล้ตัวขึ้นทุกที ในยุคที่โลกมีโซเชียลมีเดียให้เข้าถึงกันทุกคน หนุ่มคนหนึ่งใส่รองเท้าผ้าใบขาดเป็นรูขึ้นรถไฟฟ้าไปทำงานตามกิจวัตรปกติ แล้วดันมีคนถ่ายรูปโพสต์ลง facebook พร้อมกล่าวหาเขาว่าเป็นพวกซ่อนกล้องแอบถ่ายใต้กระโปรง จนมีคนเชื่อจริงๆแล้วมาคอมเมนต์ด่ากัน ออกไปไหนมาไหนก็มีแต่ผู้คนพร้อมประชาทัณฑ์ หนุ่มคนนั้นกลายเป็นแม่มดโดยไม่ได้ทำอะไรเพียงชั่วข้ามคืน
และอีกหลายๆเหตุการณ์ที่ไม่รู้จะหยิบครั้งไหนมายกตัวอย่างดี แต่ถ้าให้ชัดที่สุด แนะนำให้ลองสมัคร twitter เข้าไปดูสักครั้ง แล้วเราจะเห็นการล่าแม่มดในยุคโซเชียลเป็นรูปธรรมมากขึ้น
ทั้งแม่มดที่ชื่อ "สลิ่ม" แม่มดที่ชื่อ "ควายแดง" แม่มดที่ชื่อ "ซอมบี้ส้ม" แม่มดที่ชื่อว่า "ผีน้อย" และอีกสารพัดชื่อที่ถูกไล่ล่า เทรนด์ล่าสุดคือการตามหาดาราที่เป็นฝ่ายขวาเอามารุมประณามให้หมด
การล่าแม่มดในยุคโซเชียลนี้ แม้ไม่ได้เป็นการทำร้ายร่างกาย แต่สามารถทำให้บาดเจ็บทางจิตใจ ทำลายความเป็นมนุษย์ จนอาจทำให้ ‘ตายทั้งเป็น’ ได้
ไม่แน่ว่าบอร์ดเกม Salem นั้น อาจเป็นความบันเทิงที่แอบซ่อนการสะท้อนจิตสำนึกของคนอยู่ก็เป็นได้ ว่าเราต่างมี DNA การล่าแม่มดเป็นสัญชาตญาณไปแล้วหรือเปล่า
ตราบใดที่เรายังมีทัศนคติที่ว่า “คนผิด = ใช้ความรุนแรงได้ตามอัธยาศัย ไม่ชอบ = ด่าได้ แตกต่าง = ทำลายทิ้ง ฯลฯ” การสะท้อนจิตสำนึกดังกล่าวก็อาจเป็นจริง และการล่าแม่มดจะยังดำรงอยู่ต่อไปไม่มีวันจบสิ้น
และถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป ก็ขอให้เตรียมใจเอาไว้ ว่าคุณเองก็อาจกลายเป็นแม่มดผู้ถูกล่าเมื่อไรก็ได้ ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม เช่นเดียวกับในประวัติศาสตร์ และในบอร์ดเกม!!!!
Comments