[SCOOP] คนรุ่นเก่าร้องเรียน คนรุ่นใหม่เรียกร้อง

ขณะที่ผู้ใหญ่กำลังเป็นห่วงอนาคตของชาติกับคนรุ่นใหม่ แล้วเคยตั้งคำถามกลับบ้างไหม ว่าคนรุ่นใหม่ยังสามารถตั้งความหวังไว้กับคนรุ่นเก่าได้อีกหรือเปล่า??

....

ใครจะคิด ว่าสถานการณ์ก่อนการเลือกตั้งปี 2562 จะมีคนรุ่นใหม่ให้ความสนใจกับการเมืองขนาดนี้ จาก 2 ขั้วอุดมการณ์ของพรรคการเมืองใหญ่ กลายเป็น 2 ขั้ววิธีคิดของยุคสมัย คนรุ่นเก่ากับคนรุ่นใหม่กำลังใชพื้นที่ social media ประชันทัศนะกันอย่างไม่มีใครยอมใคร

ซึ่งจริงๆมันเป็นเรื่องดีนะ ที่จะได้แลกเปลี่ยนความเห็นกัน....ถ้าไม่ใช้อคติซึ่งกันและกัน!?

....

ส่วนตัวติดตามสถานการณ์บ้านเมืองมานาน และพยายามเปิดใจรับทุกฝ่าย สิ่งหนึ่งที่ไม่เข้าใจก็คือทัศนคติของคนรุ่นเก่า ที่ว่าเป็นห่วงอนาคตของชาติ หมดหวังกับคนรุ่นใหม่ คนรุ่นใหม่เสพติดการเมือง คนรุ่นใหม่หัวรุนแรง คนรุ่นใหม่ไร้หัวคิด คนรุ่นใหม่โดนล้างสมอง ฯลฯ

อยากรู้เหมือนกันว่าทั้งหมดนี้ พวกผู้ใหญ่รับไม่ได้กันจริงๆหรือ?....ในเมื่อมันเป็นผลลัพธ์มาจากพวกเขาเอง!?

การเสพติดการเมืองคือเรื่องส่วนบุคคล มันไม่ผิดหรอก จะผิดก็แค่คนรุ่นเก่าที่อยู่กับการรัฐประหารมาหลายๆครั้ง จนชินชากับการถูกปิดกั้น ผลักไสให้การเมืองเป็นเรื่องไกลตัว ทั้งที่ความจริงการเมืองเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวมาก ตราบใดที่คุณยังต้องกินต้องใช้ การเมืองก็หมุนรอบตัวคุณไปตลอดชีวิตนั่นแหละ

ขออธิบายให้เข้าใจ “การเมืองไม่ใช่แค่เรื่องของนักการเมือง แต่เป็นเรื่องของประชาชนทุกคน”

สาเหตุรัฐบาลเผด็จการผลักเรื่องการเมืองให้พ้นประชาชน เพราะจะได้กุมอำนาจเบ็ดเสร็จได้โดยง่าย ไม่ต้องมีใครขัดขวางในการบริหาร ซึ่งหมายถึงการไม่ต้องมีใครมาตรวจสอบ ทำให้การทุจริตหรือคอร์รัปชั่นสะดวกขึ้น และเมื่อไรที่มีประชาชนไม่พอใจ พวกเขาก็ทำได้แค่รวมตัวกันเดินบนถนน รอวันที่รัฐบาลใช้อำนาจจัดการเท่านั้น

ฉะนั้น เราว่าการที่คนรุ่นใหม่ใส่ใจการเมืองนับเป็นเรื่องดี คนรุ่นใหม่จำเป็นต้องสร้างอิทธิพลเข้าไว้ ในอนาคตประชาชนจะได้มีพลังในการต่อรองกับรัฐบาลมากขึ้น

....

อีกเรื่องที่อยากเขียน คือประเด็นคนรุ่นใหม่หัวรุนแรง??

ก็ในเมื่อปากคนรุ่นเก่าบอกว่าห่วงอนาคตคนรุ่นใหม่ แต่กลับไม่รับฟังพวกเขา พอพวกเขาจะแสดงความเห็น ก็ไปดูถูกสติปัญญาเขา

คนรุ่นใหม่จึงตั้งคำถามกับหลายอย่างที่คนรุ่นเก่าสร้างขึ้น แต่คนรุ่นเก่ามักบ่ายเบี่ยงที่จะตอบ กลับพยายามใช้อำนาจยัดเยียดให้เชื่อฟังสถานเดียว

เหตุนี้ คนรุ่นใหม่จึงต้องพยายามแสดงพลัง จนบางครั้งก็ดูก้าวร้าวหรือรุนแรงเกินไป

คนรุ่นใหม่เติบโตมามีอคติ ก็เพราะคนรุ่นเก่าปลูกฝังอคติให้กับพวกเขาเอง

เราต่างถูกเลี้ยงดูและเติบโตกันอย่างนี้เรื่อยมา จนเมื่อมีการตัดสินใจบางอย่างร่วมกัน มันจึงเกิดปัญหา เลยเถิดขนาดต้องนำอคติมาฟาดฟันกัน

ก็ไม่แปลก ที่ปัจจุบันสังคมจะถูกแบ่งเป็น 2 ขั้วยุคสมัย และปะทะกันทางความคิดด้วยวิธีของแต่ละฝ่าย

คนรุ่นเก่าชอบใช้วิธีโจมตี ส่วนคนรุ่นใหม่ก็รอตั้งรับแล้วสวนกลับ

....

สุดท้าย อยากฝากไว้ให้คิดก่อนจะปะทะกันอย่างไม่ลืมหูลืมตา

ลองสำรวจตัวเองดูก่อน ว่าเราดีเลิศประเสริฐมาจากไหนถึงจะไปตัดสินผู้อื่น เพราะต่างฝ่ายต่างมีความเชื่อมั่นและความกลัว มีจุดแข็งและจุดบกพร่องเป็นของตัวเองด้วยกันทั้งสิ้น

สิ่งที่คนรุ่นเก่าสร้างเอาไว้ ทั้งสังคม เศรษฐกิจ การเมือง ฯลฯ ลองถามใจตนเองดูว่ามันดีนักหรือ ถึงได้จะฝากให้คนรุ่นใหม่สานต่อ?

แล้วแบบนี้ คนรุ่นใหม่จะยังหวังอะไรกับคนรุ่นเก่าได้อีก??

คนรุ่นใหม่คือชีวิตที่จะต้องอยู่ต่อไปอีกนาน ผิดกับคนรุ่นเก่าที่ไม่ช้าก็ลมหายตายจาก แล้วคุณจะยังฝากสิ่งที่คุณสร้างไว้ทุกอย่างไว้กับคนรุ่นใหม่ให้ดำรงต่อไปจริงๆหรือ

แล้วประเทศชาติจะพัฒนาได้อย่างไร ถ้าไม่ยอมให้คนรุ่นใหม่สร้างโลกใบใหม่ ที่หลุดพ้นจากกะลาที่คนรุ่นเก่าครอบไว้

โดยเฉพาะกะลาของความ “อคติ” !?

คนรุ่นใหม่เองก็เช่นกัน มีหลักประกันอะไรบ้างว่าทุกสิ่งในยุคสมัยของคุณจะดีขึ้น?

จะยืนยันได้อย่างไร ว่าคุณจะมีจิตสำนึกที่ดี จะไม่แบ่งฝ่ายทะเลาะกัน จะไม่คอร์รัปชั่น หรือกระทั่งจะไม่รัฐประหาร?

การสร้างโลกใบใหม่มีความเสี่ยงสูง หากมันล้มเหลวขึ้นมา จะรับผิดชอบอย่างไร?

แล้วจะยินดียอมรับคำวิจารณ์ และความเปลี่ยนแปลงจากคนรุ่นถัดไปได้หรือไม่??