[ความสงสัยไม่รู้จบ] ฤกษ์แห่งการเบิกพรหมจรรย์ กับวัฒนธรรมอันย้อนแย้งของเมืองพุทธ
- สินิทธ์ ปนุตติกร
- Feb 16, 2018
- 1 min read

กลายเป็นเรื่องที่น่าอับอายที่ผมผ่านชีวิตมัธยมมาได้ โดยไม่เคยมีเซ็กส์เลยสักครั้ง!?
พอเข้าสู่มหา’ลัย ใครๆก็ล้อกันเป็นเรื่องสนุก ถึงความ ‘ซิงฯ’ ของผม ประมาณว่ามึงยังไม่โตเป็นผู้ใหญ่ ยังไม่ใช่ลูกผู้ชายตัวจริง ทำนองนั้น
ด้วยความอยากรู้อยากเห็น เลยลองถามเพื่อนๆดู ว่าประสบการณ์ของแต่ละคนเป็นอย่างไร ก็พบว่ามีแตกต่างกันไป แต่ที่น่าสนใจ คือส่วนใหญ่เลือกที่จะ ‘เผด็จศึก’ ในวันวาเลนไทน์และวันลอยกระทง
เขาว่าโรแมนติคดีนักแล
....
จะว่าไป ก็เคยเห็นข่าวอยู่บ่อยๆ ตั้งแต่สมัยเป็นนักเรียนแล้วนะ ว่าวัยรุ่นไทยมักจะได้เสียกันในวันวาเลนไทน์กับวันลอยกระทง
วันแห่งความรักนี่ผมยังพอเข้าใจ ยังมีเหตุปัจจัยที่เชื่อมโยงกันได้ แต่ไอ้วันเพ็ญเดือนสิบสองเนี่ยสิ มันมายังไงหว่า??
ทำไม “ชาย/หญิง” จึงต้องมา “สนุกกันจริงวันลอยกระทง” ด้วย!?
แล้วประเพณีลอยกระทงกลายเป็นเรื่องของคนสองคนตั้งแต่เมื่อไร ถึงวันนี้ทีไร คนก็ชอบถามว่าไปลอยกับใคร ทำไมการลอยกระทงคนเดียวถึงกลายเป็นความเหงาความโดดเดี่ยวไปได้ หรือในประเพณีที่แท้จริงแล้วมันต้องปฏิบัติตามเนื้อเพลงกันแน่
แล้วใครกัน ที่กำหนดฤกษ์แห่งการเสียตัวทั้งหัวปี-ท้ายปี กลายเป็นฤดูผสมพันธุ์ปีละสองครั้งของมนุษย์สัญชาติไทยอย่างนี้นะ??
....
ผมเคยตั้งข้อสังเกตนะ ว่าถ้าสื่อไม่นำเสนอประเด็นจนเป็นข่าวให้เห็นกันทุกปี ผมก็คงไม่มีวันรู้เลยว่าวัยรุ่นเขามักจะมีอะไรกันในสองวันนี้
และสงสัยเป็นอย่างมาก ว่าเขารู้ได้อย่างไร ใช้วิธีไหนในการสำรวจ และมีจุดมุ่งหมายเพื่ออะไรกันแน่??
เพื่อแสดงให้เห็นว่าเด็กสมัยนี้มีปัญหาเรื่องเซ็กส์ก่อนวัยอันควรงั้นหรือ? หรือเป็นปัญหาทางศีลธรรมว่ามันไม่เหมาะสม??
การสำรวจของสื่อก็น่าสงสัย เขาจะใช้วิธีไหนถ้าไม่ใช่การเข้าไปสอดส่องแบบจ้องจับผิด หรือเรียกง่ายๆว่า “แอบดู” นั่นเอง แล้วแบบนี้มันเหมาะสมหรือไม่ ในเมื่อมันเป็นเรื่องส่วนตัวของเด็กเขา
หรือจะสำรวจด้วยสถิติจากสถานขายบริการทางเพศ ว่าแต่ประเทศเรามีมากขนาดจะวิจัยเป็นสถิติได้เชียวหรือ ในเมื่อเมืองไทยเป็นเมืองพุทธ สถานที่อย่างว่าเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้อยู่แล้ว (แต่ผมว่า แบบนี้มันยิ่งเป็นการสนับสนุนการค้าประเวณีขึ้นไปอีกนะ!?)
หรือจริงๆแล้ว มันเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ที่ต้องการแสดงออกถึงความดีงามของตน จงใจสร้างประเด็นให้เป็นปัญหา เพื่อแสดงอำนาจในการควบคุมผู้น้อย
อย่างน้อยก็เพื่อกำจัดสถานค้าประเวณีให้พ้นไปจาก ‘เมืองพุทธ’ ของเขา
....
ทำไมเราถึงไม่ยอมรับกันสักทีนะ ว่าประเทศเรามีโสเภณีมากจนเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่ออย่างหนึ่งไปแล้ว
แม้แต่ชาวต่างชาติเข้ามายังรู้เลย แล้วทำไมพวกผู้ใหญ่เหล่านั้นถึงไม่รู้??
หรือพวกเขากำลังพยายามหลอกตัวเองอยู่ เหมือนที่ยังหลอกตัวเองว่าเพศสัมพันธ์ควรมีหลังแต่งงาน และการปกปิดข้อมูลคือการแก้ปัญหาเรื่องเซ็กส์ก่อนวัยอันควร
ผมจะบอกอะไรให้นะ ว่าโดยธรรมชาติของมนุษย์แล้ว สามารถเริ่มมีอารมณ์ทางเพศได้ตั้งแต่อายุหลักสิบต้นๆ หรือตั้งแต่ยังเรียนชั้นประถมเลยล่ะ!!!!
การปิดกั้นด้วยวิธีปลูกฝังจิตสำนึกอันดีงาม ว่าวัยนี้ไม่ควรมีอารมณ์ทางเพศ ใครที่มีถือว่าผิดปกติ และการกำหนดกฎหมายล่วงละเมิดทางเพศเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี จึงเป็นความสำเร็จในการใช้อำนาจของผู้ใหญ่ที่แสนดีมีศีลธรรมเหล่านั้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเพศหญิง
ถ้าคิดดีๆประเทศเรานี่ก็แปลก ผู้ชายหื่นเป็นเรื่องธรรมดา แต่ถ้าผู้หญิงเกิดมีอารมณ์ขึ้นมา ถือเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้
เรื่องนี้ยิ่งแสดงถึงความเหลื่อมล้ำทางเพศในบ้านเรา (อันนำไปสู่การ 'เหยียด')
ยกตัวอย่างง่ายๆ แค่คำว่า “เสียตัว” ยังนิยมใช้สำหรับทัศนคติทางลบต่อเพศหญิงโดยตรง ซึ่งเราก็คุ้นชินและยอมรับกันได้อย่างหน้าตาเฉย
วาทะกรรมที่ว่า “รักนวลสงวนตัว” จึงเป็นอีกความสำเร็จของผู้ใหญ่แสนดีมีศีลธรรม สร้างกรอบครอบหัวว่าเราควรเก็บรักษาพรหมจรรย์ไว้ รอวันที่ใครสักคนมา ‘สู่ขอ’ และนำ ‘สินสอด’ มา ‘ซื้อ’ ไป
แต่พวกผู้ใหญ่คงไม่รู้ตัว ว่าความสำเร็จที่เขาสร้างมาทั้งหมด คือความล้มเหลวในการกำจัดการค้าประเวณีอย่างสิ้นเชิง!?
....
คือผมอยู่โรงเรียนชายล้วนน่ะ แล้วพวกเพื่อนๆจะไปหาประสบการณ์มีเซ็กส์กันจากไหน ในเมื่อแฟนสาวต่างสถาบันก็รักนวลสงวนตัวกันตามวัฒนธรรมที่ผู้ใหญ่สร้างไว้
....ถ้าไม่ใช่ ‘กะหรี่’ !?
Comments