คนโลกสวยกับการมองโลกในแง่ดี
- สินิทธ์ ปนุตติกร
- Feb 6, 2017
- 1 min read

มีช่วงหนึ่ง ผมเจอคำว่า “โลกสวย” บ่อยมาก จากการโต้เถียงกันในโซเชียลเน็ตเวิร์ค หรือที่ชาวเน็ตเรียกกันว่า “ดราม่า”
....
ยอมรับว่าเป็นคนชอบอ่านดราม่าบนโลกออนไลน์พอสมควร โลกที่แสดงความคิดเห็นกันได้อย่างอิสระ ทำให้เราสามารถเห็นมุมมองจากคนอื่นๆ ได้อย่างง่ายดาย แม้จะเป็นการทะเลาะกันผ่านแป้นคีย์บอร์ด ที่ต่างก็งัดเอาเหตุผลของตนขึ้นมาถกเถียงกัน แต่ก็ยังชอบที่จะได้รับรู้แนวคิดจากผู้อื่น หรือจากสังคมที่แตกต่างจากตัวเอง บ้างก็น่าสนใจ บ้างก็ไร้สาระ คละเคล้ากันไป ทั้งนี้ ในหลายๆ หน (หรือแทบจะทุกครั้ง) ความสนุกของมันมักจะสะดุดลงด้วยประโยคว่า “อย่ามาทำเป็นโลกสวยหน่อยเลย” หรือ “ความเป็นจริงมันโหดร้ายทั้งนั้นแหละ” ฯลฯ
สังเกตว่าพวกเขามักใช้ประโยคดังกล่าวเพื่อเป็นหมัดเด็ดในการเอาชนะอีกฝ่าย เพราะมันจะทำให้เขาดูเป็นคนจริง ดูเหนือกว่า และทำให้อีกฝ่ายดูอ่อนด้อยไปโดยปริยาย แต่ส่วนตัวรู้สึกว่ามันเป็นเหตุผลที่สิ้นคิดมาก เพราะมันเหมือนกับคุณหาเหตุผลมาโต้แย้งอีกฝ่ายไม่ได้ ก็เลยพาลหยิบยกเอาประเด็นนี้ขึ้นมาสวนกลับเสียดื้อๆ
ในทางกลับกัน ฝ่ายที่ถูกจู่โจมก็มักจะตอบโต้กลับไปว่า “โลกสวยแล้วไม่ดีตรงไหน” หรือ “ไม่ใช่เพราะเป็นคนมองโลกในแง่ดีหรอกหรือถึงได้เป็นคนโลกสวย” ฯลฯ ซึ่งประโยคเหล่านี้เองก็ไม่ได้ทำให้ดูดีขึ้นสักเท่าไร เพราะคิดว่าการเป็นคนโลกสวยนั้นไม่ได้แปลว่าจะต้องเป็นคนมองโลกในแง่ดีเสมอไป
นิยามคำว่า “โลกสวย” สำหรับผม คือการมองโลกเข้าข้างตัวเอง!?
....
เชื่อว่าทุกคนย่อมมีจินตนาการด้านความงดงามของสิ่งรอบข้าง เพียงแต่คนโลกสวยจะยึดมั่นในความงามดังกล่าวมากกว่าปกติ เป็นไปได้ว่าพวกเขาอาจจะผ่านเรื่องราวมามากมาย ทั้งสุขสมหวังดั่งจินตนาการ ทั้งผิดหวังจากที่เคยวาดฝันไว้ แต่คนพวกนี้เลือกจะจดจำแต่เรื่องราวดีๆ ที่น่าประทับใจเท่านั้น ส่วนเรื่องที่เคยผิดหวังกลับพยายามลืมมันไป ไม่อยากเก็บมาใส่ใจ เพราะนึกถึงทีไรก็ทำให้เป็นทุกข์ทุกที
ส่วนคนมองโลกในแง่ร้ายหรือคนที่มีอารมณ์ดาร์ค [dark] ไปจนถึงคนเป็นโรคซึมเศร้า ผมมองว่าคนเหล่านี้ก็สามารถโลกสวยได้ หรือจะให้พูดว่า คนมองโลกในแง่ร้ายคือคนโลกสวยประเภทหนึ่งก็คงไม่ผิด เพราะพวกเขาก็มีโลกในอุดมคติที่สวยงามเช่นเดียวกัน ผ่านทุกข์ผ่านสุขมาแล้วเหมือนกัน เพียงแต่อาจจะมีความฝังใจกับเรื่องที่เคยผิดหวังมากกว่า ซึ่งตรงกันข้ามกับคนกลุ่มที่แล้ว
ทั้งนี้ยังมองอีกว่า ใครก็ตามที่บอกว่าโลกนี้ไม่สวยและมีแต่ความโหดร้ายนั้น แสดงว่าตัวเองนั่นแหละที่เป็นคนโลกสวยเสียเอง!? เพราะคุณมีความสวยงามอยู่แล้วในใจ แต่ความเป็นจริงกลับไม่เป็นไปอย่างที่คิดไว้ จึงพาลคิดไปว่าโลกนี้มีแต่ความเสื่อมถอย ซึ่งในความเป็นจริงโลกก็ไม่ได้มืดหม่นเสียขนาดนั้น หากแต่ยังมีความงดงามอยู่บ้าง ไม่ว่าจะเป็นคนดีๆ สังคมที่ดี หรือเรื่องราวดีๆ ที่น่าประทับใจก็มีอยู่ไม่น้อย เพราะฉะนั้น การเที่ยวไปบอกคนอื่นว่าเป็นพวกโลกสวย คงไม่ต่างอะไรกับการถ่มน้ำลายรดหน้าตัวเอง เพราะมันบ่งบอกถึงความเห็นแก่ตัวและความ “โลกแคบ” ของคุณ หนำซ้ำ มันยังแสดงออกถึงความขาดจิตสำนึกที่ดี ที่คิดว่าในเมื่อสังคมมันแย่อยู่แล้ว ก็ไม่มีความจำเป็นจะต้องพยายามทำความดีต่อไปอีก
ถ้าเป็นเช่นนั้นแล้ว แบบไหนล่ะ ถึงจะเป็นการมองโลกในแง่ดี ที่ไม่ใช่การมองโลกเข้าข้างตัวเอง?
....
ผมขอเสนอแนวคิดเป็นนิยามว่า “คนมองโลกในแง่ดี คือคนที่จัดการกับความสุขและความทุกข์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ” หมายความว่า เขาไม่เลือกที่จะเก็บเรื่องราวความผิดหวังหรือสมหวังไว้อย่างใดอย่างหนึ่ง แต่เลือกที่จะจดจำมันไว้ทั้ง 2 อย่าง และยอมรับได้ไม่ว่าจะเป็นแบบไหนก็ตาม ไม่เลือกที่รักมักที่ชัง หวังแต่จะมีความสุขเพียงอย่างเดียว เพราะรู้ดีว่ามันมีแต่จะทำให้ตัวเองทุกข์ใจเปล่าๆ
ดังนั้น ลองละทิ้งโลกในอุดมคติที่สวยงามไปเสียบ้าง แล้วตั้งตนให้อยู่กับความจริงในปัจจุบันขณะเข้าไว้ ปรับสภาพจิตใจตัวเองให้เข้ากันได้กับทุกสถานการณ์ เปรียบเปรยว่า หากรถสะเทินน้ำสะเทินบกใช้พลังงานในการขับเคลื่อน เราเองก็สามารถเป็นมนุษย์สะเทินทุกข์สะเทินสุข ที่ใช้สติเป็นตัวควบคุมได้เช่นกัน
Comments